การแบ่งช่วงเวลาตามแบบไทย
การแบ่งช่วงเวลาประวัติศาสตร์ไทยมีทั้งสอดคล้องและแตกต่างไปจากแบบสากล
ก็คือในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่แบ่งเป็นยุคหินและยุคโลหะ
พอมาถึงสมัยประวัติศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ไทยจะไม่นิยมแบ่งเป็นสมัยโบราณ สมัยกลาง
สมัยใหม่และร่วมสมัย แต่จัดแบ่งให้เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย
ซึ่งภาพรวมการแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ไทยจะนิยมใช้รูปแบบต่อไปนี้
1.
แบ่งตามสมัย
1.1
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีอายุตั้งแต่ประมาณ 700,000 ปี – 1,200 ปีล่วงมาแล้ว สมัยนี้แบ่งย่อยออกเป็น 2
ยุค คือ ยุคหิน (ยุคหินเก่า ยุคหินกลาง ยุคหินใหม่) และยุคโลหะ (ยุคสำริด
ยุคเหล็ก) ทั้งนี้ได้มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ทั่งทุกภูมิภาคของประเทศไทย
1.2
สมัยประวัติศาสตร์ เป็นสมัยที่ผู้คนบนผืนแผ่นดินไทยได้ทำบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรก
ดินแดนที่เป็นประเทศไทยเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์เมื่อปลายพุทธศตวรรษที่ 12 โดยใช้อายุของจารึกซึ่งพบที่ปราสาทเขาน้อย จังหวัดสระแก้ว
เป็นเกณฑ์กำหนดเพราะปรากฏศักราชชัดเจนสมบูรณ์ว่าศักราช 559 ตรองกับ พ.ศ. 1180 และพบจารึกร่วมสมัยกับจารึกเขาน้อย
เช่น จารึกศรีเทพ แต่ศักราชมาสมบูรณ์ และมีการพบเหรียญที่มีตัวอักษรทางภาคใต้มีอายุประมาณ
พ.ศ. 400 ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นของพ่อค้าหรือชาวต่างชาติที่นำมาจากที่อื่น
ไม่ใช่คนบนผืนแผ่นดินไทยทำขึ้นจึ่งไม่ถือว่าเป็นการเริ่มสมัยประวัติศาสตร์บนผืนแผ่นดินไทย
2.
แบ่งตามอาณาจักร
เรื่องราวในประวัติศาสตร์ไทยก่อนหน้าที่จะมีอาณาจักรสุโขทัยเกิดขึ้นใน
พ.ศ. 1,792
นั้น ดินแดนประเทศไทยได้มีอาณาจักรต่างๆ เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว
และได้เสื่อมสลายลงไป หลังจากนั้นก็มีอาณาจักรใหม่เกิดขึ้นตามมาอีก
บรรดาอาณาจักรเหล้านั้นมีช่วงเวลาที่ดำรางอยู่ตามหลักฐานโบราณคดี
ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์แบ่งยุคสมัยได้ เช่น ละโว้ ตามพรลิงค์ ทราวดี ศรีวิชัย เป็นต้น
3.
แบ่งตามราชธานี
การแบ่งยุคสมัยตามราชธานี
หมายถึง การยึดถือเอาช่วงเวลาที่เมืองใดเมืองหนึ่งเป็นราชธานีหรือเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรหรือแคว้นมาเป็นเกณฑ์
และเมื่อราชธานีนั้นหมดความสำคัญ ล่มสลายหรือเปลี่ยนแปลงราชธานีใหม่
ก็หมายถึงยุคสมัยประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นๆ ได้สินสุดลงไปด้วย เช่น สุโขทัย อยุธยา กรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์
4.
แบ่งตามราชวงศ์
ประวัติศาสตร์ไทยผูกพันอยู่กับราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์
ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินและเจ้าชีวิตของชนเผ่าไทยมาตั้งแต่โบราณกาล
ขณะเดียวกันบางช่วงเวลาได้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองถึงขั้นผลัดแผ่นดินเปลี่ยนกษัตริย์องค์ใหม่ก็หลายครั้ง
การเปลี่ยนแปลงแผ่นดินซึ่งบางครั้งเป็นการเริ่มต้นราชวงศ์ใหม่
ด้วยเหตุนี้เพื่อความสะดวกในการแบ่งสมัยประวัติศาสตร์ไทย จึงนำเอาชื่อราชวงศ์ที่ขึ้นมาปกครองบ้านเมืองในช่วงเวลานั้นๆ
มาเป็นเกณฑ์ในการแบ่งยุคสมัยด้วย
5.
แบ่งตามรัชกาล
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทยที่นิยมใช้อีกอย่างหนึ่งก็คือ
แบ่งตามรัชกาล ซึ่งหมายถึงในสมัยที่พระมหากษัตริย์พระองค์นั้นๆ ทรงครองราชย์สมบัติอยู่ทำให้เกิดความเข้าใจขอบเขตของช่วงเวลาที่ศึกษาได้เป็นอย่างดี
และทำให้ช่วงเวลาไม่ยาวนานเกินไป ไม่เหมือนกับการแบ่งยุคสมัยตามราชธานีหรือตามราชวงศ์
หรือกล่าวได้ง่ายๆ คือ การแบ่งย่อยเหตุการณ์
หรือช่วงในเวลาประวัติศาสตร์ที่ยาวนานให้สั้นลง
เพื่อสะดวกแก่การศึกษาและทำความเข้าใจ
6.
แบ่งตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ
พ.ศ. 2475
โดยคณะราษฎรได้ทำการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ
ดังนั้น จุดที่แบ่งยุคสมัยการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง คือวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 จึงถูกนำมาใช้แบ่งยุคสมัยประวัติศาสตร์ไทยด้วย
7.
แบ่งตามการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย
บางครั้งได้ใช้การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมาเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง คือ สมัยที่ยังใช้วัฒนธรรมดั้งเดิมของตนเอง
ยังไม่ได้รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาปรับใช้อย่างกว้างขวาง หรือวัฒนธรรมตะวันตกยังไม่ได้มีอิทธิพลต่อสังคมคมไทยมากนัก
กับสมัยหลังมีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมไปสู่ความทันสมัยจามตะวันตก
8.
แบ่งตามรัฐบาลบริหารประเทศ
ในสมัยประชาธิปไตย
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ทรงใช้พระราชอำนาจทางด้านการบริหารผ่านทางคณะรัฐมนตรี
ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล ดังนั้นการแบ่งยุคสมัยประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตยจึงแบ่งย่อยออกไปตามแต่ละรัฐบาล
โดยใช้นายกรัฐมนตรีผู้เป็นหัวหน้าบริหารประเทศ มาเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
ได้ความรู้ดี มีภาพประกอบสวยมากค่ะ
ตอบลบมีประโยชน์เยอะเกิน เสียอย่างเดี่ยวครับ ภาพแม่งเหี้ย
ตอบลบ