การเมืองการปกครองสมัยอยุธยา
การเมืองการปกครองได้มีพัฒนาการตามลำดับและสอดคล้องกับสังคมและการเมืองภายในอาณาจักรอยุธยา
โดยส่วนประกอบของลักษณะทางการเมืองการปกครองสมัยอยุธยาดังนี้
1. พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์
อาณาจักรอยุธยามีพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีพระราชอำนาจสูงสุดในการปกครอง
พระองค์ทรงเป็นองค์ประมุขของอาณาจักร ทรงเป็นจอมทัพ เป็นเจ้าแผ่นดิน เจ้าชีวิต
รวมทั้งเป็นเจ้าของศักดินาทั้งปวง เนื่องจากได้รับอิทธิพลที่มาจากหลักความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ซึ่งเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ อันหมายถึง พระนารายณ์หรือพระอิศวร(พระศิวะ)
อวตารมาเกิด พระมหากษัตริย์จึงมีคุณลักษณะและความเป็นอยู่เหนือกว่าผู้คนทั้งปวง
เช่น ต้องมีคำราชาศัพท์ที่ใช้เฉพาะกับองค์พระมหากษัตริย์ มีพระราชพิธีต่างๆ
ที่แสดงให้เห็นว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีความเป็นสมมติเทพ เช่น
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นต้น
นอกจากนี้
พระมหากษัตริย์ทรงมีความเป็น “ธรรมราชา” ตามคติความเชื่อในพระพุทธศาสนาเหมือนกับสมัยสุโขทัยอีกด้วย
โดยพระมหากษัตริย์จะต้องทรงประพฤติพระองค์ตามหลัก “ทศพิธราชธรรม” และ “จักรวรรดิวัตร”
ในพุทธศาสนา
2. การจัดรูปแบบการปกครองสมัยอยุธยา
ในสมัยอยุธยาได้มีการจัดรูปแบบการปกครองเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมทางการเมืองและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
ดังนี้
ภาพวาดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคของพระมหากษัตริย์ไทยสมัยอยุธยาในจดหมายเหตุลาลูแบร์ |
2.1 สมัยอยุธยาตอนต้น (พ.ศ.1893-1991) เริ่มต้นสมัยพระรามาธิบดีที่
1 (อู่ทอง) จนถึงสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 2
(เจ้าสามพระยา) เป็นสมัยที่อยุธยารับอิทธิพลของรูปแบบการปกครองแบบเขมรมรผสมผสานกับรูปแบบการปกครองในสมัยสุโขทัยโดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นธรรมราชาและได้รับการยกย่องเป็นสมมติเทพ
และมีการจัดรูปแบบการปกครองของอาณาจักร ดังนี้
แผนผังแสดงเมืองหน้าด่านสมัยอยุธยาตอนต้น |
นอกจากนี้กรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดีที่
1 (อู่ทอง) ยังทรงแต่งตั้งเสนาบดี 4 ตำแหน่อง ที่เรียกว่า “จตุสดมภ์”
แยกกันรับผิดชอบดูแลการบริหารราชการแผ่นดินตามพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์
จตุสดมภ์แบ่งออกเป็น 4 หน่วยงาน คือ
-กรมเวียง(เมือง) รับผิดชอบเกี่ยวกับการดูแลทุกข์สุขของราษฎร
ปราบปรามโจรผู้ร้าย ลงโทษผู้กระทำความผิด
มีเสนาบดีตำแหน่งขุนเวียงหรือขุนเมืองเป็นผู้รับผิดชอบ
-กรมวัง
รับผิดชอบเกี่ยวกับการพิจารณาคดีความต่างๆ
และจัดระเบียบเกี่ยวกับราชสำนักมีเสนาบดีตำแหน่งขุนวังเป็นผู้รับผิดชอบ
-กรมคลัง รับผิดชอบเกี่ยวกับการหารายได้และการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน
มีเสนาบดีตำแหน่งขุนคลังเป็นผู้รับผิดชอบ
-กรมนา
รับผิดชอบเกี่ยวกับการทำมาหากินของราษฎร เช่น การทำนา ทำไร่ ทำสวน
มีหน้าที่ออกกรรมสิทธิ์ถือครองที่ดินและเก็บภาษีค่านา ที่เรียกว่า “หางข้าว”
มีเสนาบดีตำแหน่งขุนนาเป็นผู้รับผิดชอบ
การบริหารราชการแผ่นดินส่วนหัวเมือง เป็นการปกครองหัวเมืองที่อยู่ภายนอกราชธานี และมิใช่เมืองหน้าด่านและเมืองลูกหลวง ทางราชธานีเปิดโอกาสให้หัวเมืองชั้นนอกเขตราชธานี ปกครองตัวเองได้ แต่ต้องสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์อยุธยา
การบริหารราชการแผ่นดินส่วนหัวเมือง เป็นการปกครองหัวเมืองที่อยู่ภายนอกราชธานี และมิใช่เมืองหน้าด่านและเมืองลูกหลวง ทางราชธานีเปิดโอกาสให้หัวเมืองชั้นนอกเขตราชธานี ปกครองตัวเองได้ แต่ต้องสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์อยุธยา
การบริหารจัดการราชการแผ่นดินส่วนหัวเมือง
อาจแบ่งได้เป็นหัวเมืองชั้นในชั้นนอก และหัวเมืองประเทศราช ดังนี้
แผนผังแสดงการบริหารราชการแผ่นดินส่วนหัวเมืองในสมัยอยุธยาตอนต้น |
หัวเมืองชั้นใน
มักจะเป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากราชธานี
ทางราชธานีจะแต่งตั้งผู้รั้งและคณะกรรมการเมืองไปปกครองโดยตรง เช่น เมืองราชบุรี
สิงห์บุรี ชัยนาท เป็นต้น
หัวเมืองชั้นนอก
หัวเมืองชั้นนอก
เป็นเมืองที่อยู่ห่างไกลออกไปจากราชธานี
ผู้ปกครองเมืองส่วนใหญ่สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองทางสายโลหิตจากพ่อสู่ลูก
รวมทั้งมีจตุสดมภ์ เช่นเดียวกับราชธานี และไม่ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการแก่ราชธานี
แต่ต้องเกณฑ์แรงงานไปช่วยราชการตามที่ราชธานีกำหนด
หัวเมืองประเทศราช
หัวเมืองประเทศราช
มีการปกครองเป็นอิสระแก่ตนเองแต่ทั้งนี้ต้องมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์อยุธยาด้วยการส่งเครื่องราชบรรณาการไปถวายตามวาระ
เช่น ต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง หัวเมืองประเทศราชอาจจะเป็นเมืองของชนต่างเชื้อชาติ
ภาษา แต่บางเมือง เป็นของกลุ่มคนไทยที่ราชธานีให้การรับรอง เช่น
เมืองนครศรีธรรมราช สุโขทัย เป็นต้น
การเมืองการปกครองสมัยอยุธยา ตอนที่ 2 คลิกที่นี่
การเมืองการปกครองสมัยอยุธยา ตอนที่ 2 คลิกที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น