หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เศรษฐกิจสมัยอยุธยา ตอนที่ 2

           
 เศรษฐกิจสมัยอยุธยา ตอนที่ 2


             ประชาชนในสมัยอยุธยา นอกจากทำนาทำไร่ ผลิตเสื้อผ้าอาหารเพียงเพื่อการบริโภคในครัวเรือนแล้ว ยามว่างจากงานในไร่นายังหาผลิตผลจากป่าในฤดูแล้งอีกด้วย ผลิตผลจากป่านี้ เป็นส่วนเกินจากการผลิตเพื่อการยังชีพดังกล่าวแล้ว โดยอาจจะมีรายได้เพิ่มขึ้นบ้าง และการเก็บผลิตผลจากป่าเกือบทั้งหมดเป็นการแสวงหาเพื่อเป็น “ส่วย” ให้แก่ทางการ ส่วยจึงเป็นภาษีที่เก็บจากประชาชนที่อาศัยอยู่ห่างไกลไม่สะดวกแก่การเดินทางไปทำงาน เมื่อถูกเกณฑ์แรงงานตามระบบไพร่ ทางการจะเป็นผู้กำหนดชนิดของส่วยตามแต่ว่าเมืองใดผลิตอะไรที่สำคัญ และทางการมีความต้องการผลิตผลนั้นด้วย ส่วยจึงมีอยู่หลายชนิด กระจายอยู่ทั่วราชอาณาจักรที่สำคัญได้แก่ ไม้หอม ไม้จันทน์ ไม้ฝาง รัก ผลเรว หนังสัตว์ แร่ธาตุ ทองคำ ดีบุก ตะกั่ว เป็นต้น ส่วยพวกนี้บางชนิดได้กลายเป็นสินค้าออกของอยุธยามาตั้งแต่ต้นเช่นกันและทวีความสำคัญมากขึ้นเมื่อการค้าต่างประเทศเฟื่องฟูขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง
การลงแขกเกี่ยวข้าวสมัยอยุธยา
            นอกจากการเพาะปลูกแล้ว ประชาชนมีการผลิตและการค้าเช่นกัน โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ ซึ่งไม่ได้ผลิตอาหารและสิ่งต่างๆ ขึ้นเอง ตามคำให้การของขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ปรากฏว่า ในอยุธยามีการประกอบกิจกรรมขนาดเล็ก ได้แก่ โรงสกัดน้ำมัน โรงตีเหล็ก โรงต้มกลั่นสุรา โรงเครื่องปั้นดินเผา โรงสีข้าวด้วยมือ โรงเลื่อย เป็นต้น ส่วนสถานที่ค้าขายนั้น มีตลาดน้ำรอบตัวเกาะเมืองอยุธยาขนาดใหญ่ ๔ แห่ง ตลาดนอกเมืองขนาดใหญ่ ๓๐ แห่ง ย่านการค้านอกเมือง ๕๒ แห่ง เป็นที่ค้าขาย ด้วยสภาพดังสรุปได้ว่า การค้าขายมีความคึกคักเฉพาะในบริเวณเมืองใหญ่เท่านั้น  ส่วนการค้าภายในอาณาจักรนั้น   เนื่องจากประชาชนในสมัย อยุธยายังอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบพอยังชีพ จึงทำให้การค้าภายในระหว่างหัวเมืองมีน้อย  เป็นลักษณะพ่อค้าจากต่างเมืองนำสินค้าเข้ามาขาย ในกรุง และเป็นการค้าขนาดเล็กเพียงพอแก่ความต้องการตามพื้นฐานการครองชีพเท่านั้น

             แรงงานของประชาชนนอกจากจะใช้ไปในการผลิตเพื่อการครองชีพแล้ว ยังถูกเกณฑ์แรงงานไปใช้ในกิจการของทางการด้วย ไม่ว่าจะถูกเกณฑ์ เป็นไพร่พลกองทัพยามสงคราม หรืองานอื่นๆ ของเจ้าขุนมูลนาย รวมทั้งงานพิเศษ เช่น งานขุดคลอง ทำถนน สร้างป้อม สร้างวัง สร้างกำแพงอีกด้วย ระบบการเกณฑ์แรงงานนี้เรียกกันว่า “ระบบไพร่” กล่าวคือ สามัญชนชายหญิงที่มิได้เป็นเจ้านาย ขุนนาง พระสงฆ์  หรือเป็นทาสแล้ว จะต้องถูกเกณฑ์แรงงานตั้งแต่อายุประมาณ ๑๘-๒๐ ปี ไปจนถึงประมาณ ๖๐-๗๐ ปี  ผู้ที่สักเลกมีสังกัดจัดว่าเป็นไพร่หลวงจะต้องผลัดกันไป ทำงานเดือนเว้นเดือนให้แก่ทางการโดยไม่ได้รับค่าจ้าง เรียกว่า “เข้าเดือนออกเดือนนอกจากนี้ยังอาจถูกเกณฑ์แรงงานไปทำงานโยธาอื่นๆ ได้อีก ซึ่งไพร่จะต้องนำอาหารและเครื่องมือของตนเองไปใช้ในงานที่ถูกเกณฑ์นั้น กรณีที่ไพร่อาศัยอยู่ห่างไกลหรือทางการไม่ต้องการแรงงานก็จัดเป็น “ไพร่ส่วย” มีหน้าที่ต้องจัดหาสิ่งของที่ทางการต้องการส่งมาเป็นส่วยแทนการถูกเกณฑ์แรงงานดังกล่าวแล้ว  ถ้าเป็นไพร่ที่จัดให้ไปทำงานที่บ้านมูลนายที่เรียกว่า ไพร่สม นั้น จะต้องไปทำงานในที่ดินของมูลนายซึ่งมีได้ตามสิทธิที่ได้รับพระราชทานในระบบศักดินา

ไพร่ สมัยอยุธยา


เศรษฐกิจสมัยอยุธยา ตอนที่ 1
เศรษฐกิจสมัยอยุธยา ตอนที่ 3
เศรษฐกิจสมัยอยุธยา ตอนที่ 4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น